ภัยคุกคามและการเอาตัวรอดในค่ายทหารกับระบบที่มองคนไม่เท่ากัน
by Teerawit Sinturos
คำนิยามศัพท์
ทหารเกณฑ์เกย์ = พลทหารผู้มีอัตลักษณ์ทางเพศเกย์ (Gay) และมีการแสดงออกทางเพศแบบชาย (Masculine expression)
ทหารเกณฑ์ตุ๊ด = พลทหารผู้มีอัตลักษณ์ทางเพศเกย์ (Gay) และมีการแสดงออกทางเพศผู้หญิง (Feminine expression)
“เข้าไปเป็นดาวแน่” “กลางคืนไม่ได้นอนแน่นอน” “มีผัวจุก ๆ” “ดาวกองร้อยคนต่อไป”
คอมเมนต์ต่าง ๆ เหล่านี้ปรากฏให้เห็นได้ง่ายเพียงเลื่อนนิ้วอ่านดูเกี่ยวกับข่าวการเกณฑ์ทหารของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ หรือการขอคำปรึกษาจากผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการเข้ารับการเกณฑ์ทหารตามบอร์ดนางงาม เป็นข้อความที่เราอ่านทีไรก็คิ้วขมวดทุกที แล้วตั้งคำถามขึ้นมาว่า การหาคู่นอนจำเป็นต้องหาในค่ายทหารไหม ? อยู่นอกค่ายทหารในฐานะประชาชนทั่วไปก็หาผัวได้ไม่ใช่หรือ? หรืออีกนัยการพูดเชิงขำขันข้างต้นที่ฉันไม่ขำเท่าไหร่นัก มันคือหนึ่งในข้อดีในการเป็นทหารเกณฑ์ของตุ๊ดและเกย์กันแน่..
ชายไทยที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไปต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 ผ่านมาเกือบร้อยปีกฎหมายนี้ก็ยังเหมือนเดิม ทุกเดือนเมษายนของทุกปีจะเริ่มสายพานของการคัดเลือกพลทหารหน้าใหม่ที่เกิดมามีเพศกำเนิดชายและร่างกายสมบูรณ์เข้ารับราชการทหาร โดยปีนี้ถูกเลื่อนมาจัดการเกณฑ์ทหารในปลายเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม 2563 เพราะสาเหตุจากโควิด-19 แต่ก็ไม่ทำให้กองทัพไทยย่อท้อ การเกณฑ์ทหารจำเป็นต้องมีต่อไป และจำนวนพลทหารที่กองทัพไทยต้องการปี 2563 คือ 97,324 คน (กรุงเทพธุรกิจออนไลน์, 2563) ซึ่งน้อยลงกว่าปีที่แล้ว แต่ยังเป็นจำนวนที่มากในประเทศที่ไม่ได้มีสงครามอะไรกับใครเขา อย่างประเทศไทย
เพศกำเนิดชายทุกคนต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร แต่มีข้อยกเว้นสำหรับกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศ (Transgender) สามารถขอใบรับรองแพทย์เพื่อได้รับการยกเว้นในการรับราชการด้วยเหตุผล “เพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด”(Gender Identity Disorder) แต่โปรดอย่าดีใจว่ากองทัพไทยเขาโอบรับความหลากหลายทางเพศขนาดนั้น เพราะลำดับความสำคัญหลักในการเลือกคนเข้ารับราชการทหารของกองทัพคือ ความแข็งแรงและความสมบูรณ์ของร่างกาย
การถูกระบุว่าเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด หมายถึง เราคือคนที่ไม่สมบูรณ์และไม่เป็นที่ต้องการกับกองทัพ แถมขั้นตอนในการได้รับใบรับรองแพทย์ ยังต้องให้แพทย์มายืนยันความเป็นตัวตนของเรา ทั้งที่เรื่องของจิตใจและตัวเรา มันไม่ควรให้ใครมายุ่มย่ามหรือตีตราว่าเราเป็นเพศอะไรด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม ถึงกองทัพจะมีช่องโหว่ของความไม่เท่าเทียมและไม่เป็นมิตรต่อกลุ่มบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศอยู่มาก แต่ข้อยกเว้นดังกล่าวทำให้กะเทยหรือ “T” ที่ย่อมากจาก “Trans” ในตัวอักษรของคำว่า LGBT ไม่ต้องเข้ารับราชการทหาร แต่ตัว “G” หรือ “Gay” ยังต้องเข้ารับการคัดเลือกสู่รั้วทหารอย่างที่ไม่สามารถเลี่ยงได้และไม่ได้รับข้อยกเว้นด้วยเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้น
ค่ายทหารเป็นสวรรค์ของทหารเกณฑ์เกย์ ทหารเกณฑ์ตุ๊ดจริงหรือไม่ ?
จากการศึกษาวิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต ภาควิชา Gender and Development studies จาก Asian Institute of Technology หัวข้อ “Situation of Tut and Gay Conscripts in the Thai Military” (Teerawit Sinturos, 2018) โดยทำการศึกษาเกี่ยวกับ
สถานการณ์ทหารเกณฑ์ที่มีอัตลักษณ์ทางเพศเกย์ในค่ายทหาร และการถูกปฏิบัติในค่ายทหาร
ผลกระทบจากการถูกปฏิบัติในค่ายทหารต่อทหารเกณฑ์ที่มีอัตลักษณ์ทางเพศเกย์
การรับมือผลกระทบจากการถูกปฏิบัติในค่ายทหารของทหารเกณฑ์ที่มีอัตลักษณ์ทางเพศเกย์ และการเอาตัวรอดในการใช้ชีวิตในค่ายทหารของทหารเกณฑ์ที่มีอัตลักษณ์ทางเพศเกย์
โดยทำการศึกษาในรูปแบบงานวิจัยเชิงคุณภาพ ดำเนินการสัมภาษณ์เชิงลึก 3 กลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ได้แก่
ผู้บริหารระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับระบบคัดเลือกเกณฑ์ทหารของกลุ่มบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ
ผู้ผึกประจำค่ายทหารแห่งหนึ่งในประเทศไทย เกี่ยวกับสถานการณ์ในค่ายทหารและการปฏิบัติของผู้ฝึกต่อของทหารเกณฑ์ที่มีอัตลักษณ์ทางเพศเกย์
องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ทำงานด้านความเท่าเทียมทางเพศ ในประเด็นการเกณฑ์ทหารของกลุ่มบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ
อีกทั้งยังดำเนินการสัมภาษณ์เชิงลึกกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มทหารเกณฑ์ที่มีอัตลักษณ์ทางเพศเกย์ (Gay) รวบรวมข้อมูล กลุ่มเกย์ที่มีการแสดงออกทางเพศแบบชาย (Masculine expression) และกลุ่มเกย์การแสดงออกทางเพศแบบผู้หญิง (Feminine expression) หรือเกย์ออกสาว ที่ผ่านการเกณฑ์ทหารมาแล้ว จำนวน 15 คน โดยเน้นการศึกษาในสิ่งที่ทหารเกณฑ์กลุ่มเกย์พบเจอ แต่ทหารเกณฑ์เพศชายทั่วไปไม่พบเจอในค่ายทหารเท่านั้น โดยผู้ศึกษาตั้งสมมุติฐานว่าการแสดงออกทางเพศอาจส่งผลต่อการถูกเลือกปฏิบัติในค่ายทหาร
จากการศึกษาพบว่า ทหารเกณฑ์ที่มีอัตลักษณ์ทางเพศเกย์ จำนวน 15 คนในค่ายทหาร ตัดสินใจเปิดเผยเพศสภาพตนเอง (Coming out) ในค่ายทหารจำนวน 12 คน และปกปิดเพศสภาพตนเอง (Closeted) ในค่ายทหารจำนวน 3 คน
และจากทหารเกณฑ์ที่มีอัตลักษณ์ทางเพศเกย์ จำนวน 15 คน มีทหารเกณฑ์เกย์ที่มีการแสดงออกทางเพศแบบผู้หญิง (Feminine expression) จำนวน 11 คน และคน มีทหารเกณฑ์เกย์ที่มีการแสดงออกทางเพศแบบผู้ชาย (Masculine expression) จำนวน 4 คน
ดังนั้น การเปิดเผยเพศสภาพตนเองในค่ายทหารว่าเป็นกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน (Homosexuality) คือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการถูกปฎิบัติในค่ายทหาร ไม่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกทางเพศ (Gender Expression) ออกสาวหรือแมน หากพลทหารเปิดเผยตัวตนว่าเป็นชายรักชายในค่ายทหาร ก็จะได้รับปฏิบัติที่แตกต่างจากทหารเกณฑ์คนอื่นด้วยปัจจัยทางเพศทั้งสิ้น
รูปที่ 1 แผนภาพแสดงอัตลักษณ์ทางเพศ การเปิดเผยเพศสภาพ
และการแสดงออกทางเพศ ของกลุ่มเป้าหมาย 15 คนในค่ายทหาร (Teerawit Sinturos, 2018)
ในทางตรงกันข้าม ทหารเกณฑ์เกย์คนไหนปกปิดเพศสภาพตนเองในค่ายทหาร จะไม่ถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุทางเพศ และได้รับการปฏิบัติเหมือนกับทหารเกณฑ์เพศชายทั่วไปในค่ายทหาร แต่การปกปิดเพศสภาพตนเองนั้น ส่งผลกระทบให้ทหารเกณฑ์เกย์กลุ่มนี้พยายามปกปิดเพศสภาพตนเองให้ได้มากที่สุดตลอดระยะเวลาฝึก มีความรู้สึกอึดอัด กดดัน หวาดกลัวอยู่ทุกวินาทีที่อยู่ในค่ายทหาร และทุกครั้งที่เห็นทหารเกณฑ์เกย์ถูกทำโทษหรือกลั้นแกล้งจะรู้สึกกลัว ระแวงว่าสักวันนึงจะมีคนรู้ความลับที่ตนปกปิดไว้ แล้วจะโดนกระทำเหมือนที่กลุ่มที่เปิดเผยเพศสภาพตนเองในค่ายทหารพบเจอ
สถานการณ์ของทหารเกณฑ์ที่เปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศในค่ายทหาร
การเรียกอัตลักษณ์ทางเพศแทนชื่อบุคคล
ทหารเกณฑ์เกย์ที่เปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศของตนเองในค่ายทหาร จะถูกเรียกว่า “กะเทย” “เจ๊” และ “ตุ๊ด” โดยขาดความเข้าใจเรื่องประเด็นทางเพศสภาพ และไม่ได้ถามถึงความยินยอมสมัครใจในการถูกแปะป้ายด้วยคำพูดของอัตลักษณ์ทางเพศของตัวบุคคล เป็นการกระทำที่ขาดความตระหนักถึงความอ่อนไหวในประเด็นทางเพศ (Gender sensitivity) โดยสิ้นเชิง
ถึงแม้ว่าการถูกเรียกว่า “เจ๊” ที่มีความหมายแปลว่าพี่สาว อาจดูเหมือนไม่ใช่คำที่ทำร้ายหรือกดทับใคร แต่จากการสัมภาษณ์เชิงลึก ทหารเกณฑ์เกย์หลายคน อยากถูกเรียกด้วยชื่อของตนเอง มากกว่าอัตลักษณ์ทางเพศหรือคำเหล่านี้ พวกเขาอยากได้รับการปฏิบัติเหมือนที่ทหารเกณฑ์ชายคนอื่นถูกเรียกชื่อในค่ายทหาร
Insight
การถูกบังคับให้เป็นคนสร้างสีสันในค่ายทหาร (Entertainer)
ทหารเกณฑ์เกย์ที่เปิดเผยเพศสภาพตนเอง (Coming out) จะถูกคาดหวังจากผู้ฝึกและเพื่อนทหารเกณฑ์ให้เป็นคนสร้างสีสันในค่ายทหาร (Entertainer) ในช่วงเวลาพัก กลุ่มเจ๊ จะถูกเรียกออกมาทำการแสดง เต้น สันทนาการ เพื่อสร้างเสียงหัวเราะ และผ่อนคลายระหว่างช่วงการฝึก กลุ่มเป้าหมายหลายคนชอบเต้นและถนัดเรื่องการเต้น แต่ไม่ได้อยากเต้นในค่ายทหาร และไม่ได้อยากเต้นในช่วงเวลาที่ออกไปเต้น การเต้นเป็นสิ่งที่พวกเขาทำได้ แต่ในช่วงเวลาที่ถูกเรียกออกไป เขาไม่อยากทำ และเขาไม่สามารถปฏิเสธคำสั่งของผู้ฝึกได้ เป็นการฝืนใจกระทำไปซะทุกครั้ง
กลุ่มเป้าหมายหลายคนใช้คำว่า “ตัวตลกในค่ายทหาร” พวกเขาถูกบังคับให้แต่งหญิงในรูปแบบตลก ทาปากเลอะ ๆ เพียงแค่ปรากฏกายในที่สาธารณะ ก็ได้รับเสียงหัวเราะ เพียงเพราะภาพจำของผู้ฝึกเหล่านั้นที่ยึดติดว่า กะเทย เกย์ ต้องชอบการแสดง เป็นการผลิตซ้ำทางเพศที่ผู้ฝึกมีต่อทหารเกณฑ์เกย์ และพวกเขาต้องกระทำโดยไม่มีทางเลือก
การถูกลงโทษด้วยเหตุทางเพศ
ทหารเกณฑ์หลายคนที่เปิดเผยเพศสภาพตนเองในค่ายทหาร ถูกลงโทษ เพียงเพราะมีการแสดงออกทางเพศแบบผู้หญิง กลุ่มเป้าหมายหลายคนถูกตบหน้าลงโทษ เพียงพูด คะ/ค่ะ ในค่ายทหาร และตั้งคำถามกับหางเสียงว่าทำไมไม่พูด “ครับ” ให้ตรงตามเพศกำเนิด และหนึ่งคนจาก 15 คน ถูกบังคับให้ปีนต้นไม้และส่งเสียงคล้ายชะนีว่า “ผัว” เพียงเพราะวิ่งเข้าแถวช้ากว่าเพื่อน และเขามั่นใจอย่างหนักแน่นว่ารูปแบบการลงโทษให้ร้องหาผัวบนต้นไม้ที่เขาถูกกระทำ เป็นเพราะเขาเปิดเผยเพศสภาพว่าเป็นเกย์ในค่ายทหาร
หลายคนถูกใช้เป็นเครื่องมือในการลงโทษเพื่อนทหารเกณฑ์ชาย กลุ่มเป้าหมายถูกเรียกให้ไปเต้นคลอดเคลียทหารเกณฑ์ผู้ชายในที่สาธารณะ เพราะทหารเกณฑ์คนนั้นทำผิด ถูกบังคับให้กักขังอยู่ในห้องน้ำสองต่อสองกับทหารเกณฑ์ชาย แล้วเปล่งเสียงครางเหมือนมีเพศสัมพันธ์ เพียงเพราะต้องการลงโทษทหารเกณฑ์เพศชายอีกคน แสดงให้เห็นชุดความคิดของทหารว่า การมีเพศสัมพันธ์หรือการอยู่ใกล้เพศหลากหลายเป็นสิ่งที่ผิดแปลก เป็นอื่น ถูกผลักให้เป็นเครื่องมือในการลงโทษเพศชายด้วยกันเอง
การคุกคามทางเพศในค่ายทหาร
ส่วนมากมาจากการปฏิบัติจากผู้ที่มียศสูงกว่าพลทหาร ผ่านการใช้อำนาจในทางมิชอบ การคุกคามเพื่อนพลทหารด้วยกันมีบ้าง แต่กลุ่มเป้าหมายสามารถปฏิเสธเพื่อนกันเองได้ เพราะยศเท่ากัน แต่หากเป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชา พวกเขาต้องทำตามโดยไม่มีข้อแม้ การคุกคามทางเพศในค่ายทหารแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้
การคุกคามทางเพศผ่านท่าทาง การเชิญชวนให้มองอวัยวะเพศระหว่างฉี่ ควักอวัยวะเพศออกมาให้ดู ให้มอง ทำมือสาวเหมือนชักว่าว การทำท่าเหมือน oral sex เชิญชวนให้ทหารเกณฑ์เกย์กระทำให้ การถูกบังคับให้นวดตรงต้นขาของบุคคลในค่ายทหารที่มียศสูงกว่า บังคับนวดจุดเดิมซ้ำ ๆ เป็นการกระทำที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกอึดอัดใจ และไม่ได้รับการยินยอม
การคุกคามทางเพศทางวาจา การถูกตั้งคำถามถึงอัตลักษณ์ทางเพศ ทำไมถึงเป็นกะเทย ทำไมเป็นตุ๊ด ถามประสบการณ์ทางเพศ อยากมีเพศสัมพันธ์กับใครในค่ายทหาร? อยากอมอวัยวะเพศใคร? มีเพศสัมพันธ์กับใครมาแล้วบ้าง? ถูกถามข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศโดยขาดความยินยอมในที่สาธารณะ การเชิญชวนให้ไปมีเพศสัมพันธ์ในยามวิกาล
การคุกคามทางเพศทางการปฏิบัติ ถูกจับก้น จับนม จับอวัยวะเพศ ลามไปถึงการถูกบังคับให้ oral sex ในค่ายทหารโดยขาดการยินยอม
และจากทหารเกณฑ์ 15 คนในค่ายทหาร ทหารเกณฑ์เกย์ 3 คนถูกข่มขืนในค่ายทหารโดยปราศจากความยินยอม ทั้งรูปแบบการบังคับให้ oral sex จนไปถึงการสอดใส่อวัยวะเพศ และ 1 ใน 3 คนที่ถูกข่มขืนในค่ายทหาร ถูกข่มขืนจากรุ่นพี่ทหารเกณฑ์ 6 คนในคืนเดียว โดยปราศจากการใช้ถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น จนเกิดแผลที่บริเวณรูทวาร เลือดออก และเสี่ยงติดโรคทางเพศสัมพันธ์สูง
ผลกระทบจากการถูกปฏิบัติในค่ายทหารของทหารเกณฑ์ที่มีอัตลักษณ์ทางเพศเกย์
ความเศร้าในการที่ไม่ได้เป็นตัวเอง การไม่ได้รับการยอมรับในสังคม ไม่คุ้นชินกับสังคมชายเป็นใหญ่ที่มีกรอบอำนาจนิยมกดดทับอีกรอบ
ความเครียด ความกังวล กลัวว่าจะถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุทางเพศ เป็นทหารเกณฑ์มีโอกาสสูงที่จะถูกสั่งซ่อมโดยไม่มีเหตุผล แล้วยิ่งเป็นทหารเกณฑ์เกย์อาจถูกสั่งลงโทษด้วยเหตุทางเพศมากขึ้น นอนไม่หลับกลางดึก กลัวถูกคุกคามทางเพศแล้วไม่มีคนช่วย
ความคิดอยากฆ่าตัวตาย หลายคนตั้งคำถามกับการมีอยู่ของชีวิต หลังจากถูกคุกคามทางเพศ เขารู้สึกเหมือนตัวเองไม่ใช่คน เสียงถูกทำให้ไม่ได้ยิน แล้วยังถูกย่ำยี่ในร่างกายผ่านการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ยินยอม ไม่อยากพูดกับใคร เก็บตัว รู้สึกเหมือนพึ่งกลับจากสงคราม สูญเสียการเป็นตนเอง และไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ
ส่วนทหารเกณฑ์เกย์ที่ไม่เปิดเผยเพศสภาพตนเองก็มีความเครียด แต่เป็นความเครียดและกังวลว่าความลับที่ตนเองจะปิดไว้ จะถูกเปิดเผยเข้าสักวัน และจะถูกกระทำเหมือนที่เพื่อนทหารเกณฑ์เกย์ที่เปิดเผยเพศสภาพตนเอง ไม่มีความสุขแม้แต่วันเดียวที่อยู่ในค่ายทหาร
การเอาตัวรอดในค่ายทหารของทหารเกณฑ์เกย์และตุ๊ดในค่ายทหาร
1) การรับมือโดยตนเอง
การเปลี่ยนความคิดตนเอง ในสถานการณ์ที่ถูกทำให้ไม่มีเสียง ไม่มีสิทธิในร่างกายตนเอง ความเจ็บปวดแต่จริงคือเราไม่สามารถเปลี่ยนความคิดใครได้ เลยปรับเปลี่ยนความคิดตนเอง ให้กำลังใจตนเองให้ผ่านพ้นไปในแต่ละวัน หากจมอยู่กับความคิดที่จะเอาชนะระบบทั้งระบบ อาจตายก่อนที่จะเกิดวันนั้น คิดแค่ผ่านไปแต่ละวันให้ได้ไปจนถึงหมดการฝึกก็พอ
การปลดปล่อยความรู้สึกภายในผ่านการกระทำกิจกรรมต่าง ๆ หลายคนร้องไห้เพื่อให้ได้ปลดปล่อยความเครียดที่อยู่ในใจ
เต้นในห้องน้ำ พื้นที่ส่วนตัวที่มีในค่ายทหารคือห้องน้ำเล็ก ๆ แต่เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย การได้เต้นในห้องน้ำเป็นการปลดปล่อยความเครียดทุกสิ่งที่มีอยู่ในใจ และช่วยทำให้การใช้ชีวิตนแต่ละวันผ่านไปได้เร็วขึ้น
เขียนไดอารี่บอกเล่าความรู้สึกตนเอง ปลดปล่อยความเศร้าที่มีอยู่ในใจ และเขียนบอกเล่าทุกเรื่องราวที่พบเจอกับตัวเอง อย่างน้อยในช่วงยามที่ไม่มีใคร แต่ยังมีตัวเองที่เข้าใจเรามากที่สุด
แต่งหญิงเล่นในห้องนอนตอนได้กลับบ้าน การอยู่ในสังคมทหารตอบตัวเองได้ชัดเจนว่า เขาไม่ได้เกิดมาเป็นผู้ชายโดยแท้จริง พอได้กลับบ้าน จึงแต่งหญิง ใส่ส้นสูง เดินเล่นในห้องนอน และพบว่านั่นคือความสุขที่จับต้องได้ภายในช่วงระยะเวลา 1 ปีที่ถูกการเกณฑ์ทหารขโมยไป
2) การรับมือโดยได้รับความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง
เครือข่าย (Connection) หลังจากการถูกคุกคามทางเพศ กลุ่มเป้าหมาย 1 คนร้องขอความช่วยเหลือจากครอบครัวตนเอง จนได้รับการช่วยเหลือให้ย้ายออกจากสถานที่อันตรายและเสี่ยงต่อการถูกคุกคามทางเพศ ให้ไปทำงานอยู่ที่หน่วยอื่นแทน
เพื่อนทหารเกณฑ์ที่เปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศตนเอง กลุ่มเป้าหมายกล่าวว่า “กะเทยตาย กะเทยเผา มีอยู่จริง” การรวมตัวกันของกลุ่มทหารเกณฑ์ตุ๊ด ทำให้พวกเขาผ่านเรื่องที่พบเจอกันไปได้ เพราะทุกคนจะเข้าใจสถานการณ์ที่พบเจอ ผลัดกันให้กำลังใจกันและกัน รู้สึกไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในค่ายทหาร
รุ่นพี่ทหารที่เปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศตนเอง พอตนเองได้เป็นรุ่นพี่ทหาร ก็จะคอยมาดูแลน้องทหารเกณฑ์ที่เป็นตุ๊ดในการฝึก พยายามบอกเพื่อนให้ไม่แกล้งน้อง หากใครจงใจแกล้งน้องก็จะพยายามให้ความช่วยเหลือตลอด
อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ทหารเกณฑ์เกย์ถูกปฏิบัติแตกต่างจากพลทหารอื่น ?
จากการเก็บข้อมูล ผู้วิจัยทำการวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้ทหารเกณฑ์เกย์ถูกปฏิบัติแตกต่างจากพลทหารอื่นแบ่งออกเป็น 3 ข้อ ดังนี้
1) การขาดความรู้และความเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศในค่ายทหาร
การขาดความรู้และความเข้าใจเกี่ยวความหลากหลายทางเพศในตัวเพื่อนทหารเกณฑ์ รวมไปถึงรุ่นพี่ทหารเกณฑ์ ผู้ฝึกประจำค่ายทหาร และการไม่เห็นความสำคัญของความหลากหลายทางเพศในค่ายทหารของกองทัพไทย ทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุทางเพศ พลทหารหลายคนไม่เข้าใจความแตกต่างของเพศกำเนิด (Sex at birth) อัตลักษณ์ทางเพศ (Gender Identity) รสนิยมทางเพศ (Sexual Orientation) การแสดงออกทางเพศ (Gender expression) อะไรที่แตกต่างจากเพศกระแสหลัก (Mainstreaming gender) หรือแตกต่างจากสิ่งที่ตนเองเป็นจะไม่ได้รับการยอมรับอย่างเท่าเทียม และถูกทำให้เป็นอื่น
ตัวอย่างเชิงประจักษ์ในการสนับสนุนแนวความคิดนี้คือ หากใครเปิดเผยตนเองว่าเป็นกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน (homosexuality) ในค่ายทหาร คนกลุ่มนั้นจะถูกเรียกว่า “กะเทย” และกะเทยต้องเต้นเก่ง ต้องอยากมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายทุกคน ต้องเป็นคนสร้างเสียงหัวเราะ เป็นต้น ทั้งที่คำว่ากะเทย คือ ผู้หญิงข้ามเพศ (Transgender) ซึ่งหากใครเป็นกะเทย และมีการรับรองจากโรงพยาบาลทหารว่าเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด จะได้รับการยกเว้นการเกณฑ์ทหารตั้งแต่ขั้นตอนการเกณฑ์ทหารแล้ว แต่บุคลากรในค่ายทหารขาดโอกาสในการรับรู้เข้าใจและเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศอย่างลึกซึ้ง
โดยหลายการกระทำเกิดขึ้นโดยไม่เจตนา อาทิ การเรียกเพศสภาพของบุคคลแทนการเรียกชื่อ ผู้ฝึกท่านหนึ่งบอกว่าเป็นการให้ความสนิทสนมกับทหารเกณฑ์ ทั้งที่การเรียกเพศสภาพของบุคคลโดยขาดการคำนึงถึงประเด็นความอ่อนไหวทางเพศ (Gender sensitivity) เป็นสิ่งที่สังคมในปัจจุบันกำลังเคลื่อนไหวให้เป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข แต่ถูกมองเป็นการกระทำที่ดีต่อทหารเกณฑ์กลุ่มเกย์
2) การผลิตซ้ำด้วยเหตุทางเพศ
ด้วยประสบการณ์ตนเองที่พบเจอ และสื่อสาธารณะที่ส่งผลโดยตรงต่อชุดความคิดของทหาร ความจริงในสังคมไทยคือ ทหารเกณฑ์หลายคนไม่มีโอกาสได้พบเจอสังคมที่เปิดกว้าง ไม่เคยพบเจอบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศมากนัก หลายคนพึ่งเคยได้ทำความรู้จักกับกลุ่มบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศในค่ายทหาร เลยใช้ภาพจำจากสื่อและประสบการณ์ที่พบเจอมาปฏิบัติต่อกลุ่มทหารเกณฑ์เกย์ในค่ายทหาร ภาพจำในทีวีกลุ่มเกย์และกะเทยคือตลก ชอบเต้น ชอบรำ ชอบมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายทุกคน ได้รับสถานะและการยอมรับทางสังคมที่เป็นรองกว่าเพศกระแสหลัก โดยพวกเขาจะใช้ภาพจำเหล่านี้ผลิตซ้ำความคิดที่มีต่อกลุ่มทหารเกณฑ์เกย์ นำไปสู่การเลือกปฏิบัติด้วยเหตุทางเพศที่เกิดขึ้นจริง เกิดขึ้นมาตลอดและยังมีอยู่ในปัจจุบัน
3) การขาดความตระหนักรู้ถึงปัญหาของกลุ่มคนผู้มีความหลากหลายทางเพศ
จากเหตุการณ์การคุกคามทางเพศ พลทหารที่เป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายไปแจ้งเหตุการณ์กับผู้ฝึก แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือถุงยางอนามัย ให้ใช้เพื่อป้องกันตัวเองจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หากต้องมีเพศสัมพันธ์และเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกในอนาคต ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ต้นเหตุคือการถูกคุกคามทางเพศ และการคุกคามทางเพศไม่ใช่เรื่องปกติ เห็นได้ชัดว่า ผู้มีอำนาจในค่ายทหารไม่มองว่าการคุกคามทางเพศต่อกลุ่มเจ๊ในค่ายทหารเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข และหากไม่มองปัญหาว่าเป็นปัญหา ปัญหานั้นจะไม่รับการแก้ไข และนี่คือปัญหาใหญ่ของกองทัพ
กองทัพควรทำความเข้าใจ มองเห็นปัญหาของกลุ่มคนทุกกลุ่ม ในเมื่อสังคมมีความหลากหลายมากขึ้น และมีพลทหารเกย์ตุ๊ดเข้าไปรับราชการทุกปี ไม่ได้มีมาตรการหรือการคัดกรองแค่เพศชายอย่างเดียวเท่านั้น การรับมือของกองทัพในการปฏิบัติต่อคนกลุ่มนี้ หลากหลายและเป็นมิตรมากพอหรือยัง?
การยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ช่วยแก้ปัญหาการถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุทางเพศในค่ายทหารหรือไม่ ?
พลทหารคืออาชีพ และทุกคนควรมีเสรีภาพในการเลือกอาชีพของตนเอง ดังนั้น การยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เป็นสิ่งที่ควรเกิดขึ้น แต่อาจไม่ช่วยแก้ปัญหาการถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุทางเพศในค่ายทหารได้ในทางตรง เพราะการเปลี่ยนการเกณฑ์ทหารเป็นระบบสมัครใจ คือการแก้ปัญหาขั้นตอนการรับเข้า ไม่ใช่การแก้ปัญหาการใช้ชีวิตในค่ายทหาร และการเกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ คือการเปิดโอกาสให้คนทุกเพศสามารถสมัครได้ และรับใช้ชาติด้วยสถานะพลทหารอย่างไม่มีข้อจำกัดทางเพศ แต่ปัญหาเรื่องการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุทางเพศในค่ายทหารยังคงอยู่
ดังนั้น หากจะแก้ปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น กองทัพต้องให้ความรู้ สร้างความเข้าใจแก่ทหารทุกคน ทั้งผู้มีอำนาจสูงสุดยันพลทหารที่ผลัดเปลี่ยนเข้ามาทุกปี ให้เกิดความตระหนักรู้ที่นำไปสู่การเปลี่ยนพฤติกรรมของคนที่มีอคติทางเพศ ทำอย่างไรให้ทุกคนในค่ายทหารมองคนทุกคนเท่าเทียมกัน และไม่นิ่งเฉยต่อการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุทางเพศ กองทัพต้องมีนโยบายที่เป็นมิตรต่อคนทุกกลุ่ม อาทิ จัดตั้งหน่วยงานพิเศษที่ทำงานเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุทางเพศ การจัดเทรนนิ่งเสริมสร้างองค์ความรู้เรื่องเพศสถานะ (Gender knowledge) ที่มีรากฐานมาจากสิทธิมนุษยชนเบื้องต้นให้กับระบบทหารทุกระดับ และทำงานร่วมกันทั้งระบบ
หากกองทัพไทยมีนโยบายที่เป็นมิตรต่อคนทุกกลุ่ม ครอบคลุมกลุ่มคนผู้มีความหลากหลายทางเพศ และทำได้จริง สถาบันที่รวมความชายเป็นใหญ่ในทุกระดับความคิด สามารถปลดแอก ทำลายกรอบทางเพศ และโอบรับความหลากหลายทางเพศได้จริง จะเกิดการเคลื่อนไหวก้าวที่สำคัญในประเทศไทย รวมทั้งทำงานร่วมกับระบบการศึกษา สื่อมวลชนกระแสหลัก ร่วมกันทำลายกรอบการผลิตซ้ำทางเพศและสนับสนุนให้ทุกคนเท่าเทียมกัน
อาจฟังดูยาก และอุดมคติจนแม้แต่จะให้อ่านแล้วคิดภาพตามคงทำได้ยาก แต่ปัญหาต้องได้รับการแก้ไข ไม่ใช่ปล่อยผ่านแล้วมองว่าการถูกเลือกปฏิบัติทางเพศในค่ายทหารคือสิ่งปกติที่พบเจอในทุกรุ่น เกย์หลายคนผ่านไปได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องผ่านไปได้ แล้วมันไม่ควรมีใครต้องถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุทางเพศแต่แรกอยู่แล้ว นี่คือสิ่งที่กองทัพควรตระหนักที่สุด ความหลากหลายทางเพศคือสิทธิของมนุษยชนเบื้องต้น ที่ไม่ต้องให้ใครร้องขอ แต่ทุกคนควรได้รับตั้งแต่กำเนิด และได้รับในทุกสถานะไม่ว่าจะสถานะประชาชน หรือสถานะพลทหารก็ตาม
"หากการเป็นทหารสามารถสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติ เป็นได้ทุกอย่างตามที่กองทัพไทยประชาสัมพันธ์ เป็นผู้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ เป็นกรรมกร เป็นช่างตัดผม เป็นหมอ เป็นรั้วของชาติ เป็นที่พึ่งยามยากให้กับประชาชน แล้วระบบทหารเป็นอะไรให้กับทหารเกณฑ์ที่มีความหลากหลายทางเพศบ้าง ?"
การแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุทางเพศในระบบทหาร ต้องได้รับการแก้ไข
การเปลี่ยนระบบทหารให้มองคนเท่าเทียมกันและตระหนักถึงสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน คงเป็นเรื่องที่ทำได้ ควรทำ และประชาชนต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง…
ที่มา:
Teerawit Sinturos, (2018) “Situation of Tut and Gay Conscripts in the Thai Military” (Master’s Thesis) Gender and Development studies, Asian Institute of Technology,
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์, (2563) 'เกณฑ์ทหาร' ย้อนหลัง 7 ปี 'ทหารเกณฑ์' ประเทศไทย มีเท่าไหร่. สืบค้นเมื่อ 25 กรกฎาคม 2563 จาก https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/873116
Illustration by Arnon Chundhitisakul
EPTU Machine ETPU Moulding…
EPTU Machine ETPU Moulding…
EPTU Machine ETPU Moulding…
EPTU Machine ETPU Moulding…
EPTU Machine ETPU Moulding…
EPS Machine EPS Block…
EPS Machine EPS Block…
EPS Machine EPS Block…
AEON MINING AEON MINING
AEON MINING AEON MINING
KSD Miner KSD Miner
KSD Miner KSD Miner
BCH Miner BCH Miner
BCH Miner BCH Miner