top of page

The Ugly Truth of “Kissing”
เรื่องจริงที่ (เหมือนจะ) เจ็บปวดเกี่ยวกับจูบของคุณ

written by "พี่ได้หมด"

Cover_Kiss-02.png

“จูบแรกของคุณเมื่อไหร่กัน?

จูบนั้นสำคัญกับคุณ มากขนาดไหน ?”

ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ... เดี๋ยวค่อยตอบหลังอ่านบทความนี้จบก็ได้

โดยปกติทั่วไปแล้ว การจูบมีหลากหลายแบบ ตั้งแต่เกิดมาพ่อแม่ก็จูบหน้าผาก หอมแก้มเรา (Peck-type Kissing) เมื่อโตขึ้นก็จะเป็นการจูบที่ดื่มด่ำทางอารมณ์มากขึ้น เช่น การจูบแบบฝรั่งเศส (French Kiss) การจูบแบบประกบริมฝีปากเดี่ยว (Single Kiss) หรือการจูบแบบ สไปเดอร์แมน (Spiderman Kiss) ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการจูบกว่า 52 แบบบนโลกใบนี้ เรียกได้ว่าจูบที่ไหนก็จะเรียกตามอวัยวะนั้น ๆ ไปเลย โดยเหตุที่เกิดการจูบก็มักเกิดได้ในหลากหลายสถานการณ์ เช่น จูบเพื่อทักทาย จูบเพื่อความสนุกเวลาไปปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ การจูบเพื่อจีบและลามไปจนถึงการจูบเพื่อเล้าโลมก่อนการมีเซ็กส์

จากบทความ “Is Kissing Sex or Love ? Who Doesn’t Kiss ? - It can be about either depending on the gender pairing” ของ Ritch C Savin-Williams - Director of the Sex and Gender Lab at Cornell University – พบว่าการจูบกันของคนส่วนมากที่เป็น Straight จะเสียจูบแรกก่อนการมีเพศสัมพันธ์ ในขณะที่ Gay จะเสียจูบแรกขณะที่กำลังมีเพศสัมพันธ์อยู่ โดยจากบทความได้กล่าวไว้ว่า sex comes first, emotional connection comes later แต่ก็ไม่แน่นอนเสมอไปหรอกจริงไหมชาวเรา?

โดยทั่วไปแล้ว Straight จะเสียจูบแรกเมื่ออายุ 14 ปี และ Gay จะเสียจูบแรกช้ากว่า 3 ปี ก็คือ เมื่ออายุ 17 ปี ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่าภายในองค์กรของเรานั้นมีจูบแรกตอนไหน? และในสถานที่ใด? ในส่วนของเพศวิถี (Sexual Orientation) ของกลุ่มประชากรพบว่าร้อยละ 66.66 เป็น LGBTQ และร้อยละ 33.33 เป็น Straight โดยมีจูบแรกเป็นร้อยละ 22.22 ตอนอายุ 14, 17 และ 19 ปี รองลงมาคือ ร้อยละ 11.11 ตอนอายุ 8, 15 และ 18 ปี เกิดในสถานที่ทั่วไป เช่น ห้องเรียน โรงหนัง ห้องนอน แต่ที่ตกใจคือกับบทความนี้คือ Gay จะเสียจูบแรกขณะกำลังมีเพศสัมพันธ์เหมือนมานั่งทำวิจัยอยู่บนเตียงด้วยกันเลยอ่ะ ล่าสุดก็คือเริ่มคำนวณกันใหญ่เลยว่า ว่าเราเสียจูบแรกไปตอนไหน เสียให้กับใครกันนะ

ต่อเนื่องจากบทความดังกล่าว คือ กลุ่มวัยรุ่นนักกีฬาชายในประเทศอังกฤษอายุ 20 ปี มีการจูบกันโดยไม่ได้มีความรู้สึกทางเพศ เป็นแค่การแสดงออกถึงความรักกันฉันท์เพื่อน หรือแสดงความสนิทสนมกันมากกว่า และมีกว่า 1 ใน 3 ที่เห็นด้วยกับ “Sustained Same Sex-kissing” ดังนั้นการจูบ คงเป็นอะไรที่มากกว่าความรัก ๆ ใคร่ ๆ เป็นกริยาที่มีความข้องเกี่ยวด้านอารมณ์หรือแสดงความสนิทสนมกัน ที่เราเห็นผู้ชายจูบกันบางทีเค้าอาจจะไม่ได้เป็น Gay ก็ได้นะ เค้าอาจจะกำลังแสดงความสนิทสนมกันแบบฉันท์เพื่อนก็ได้เน๊อะ (เสียงสูง)

จากข้อความข้างต้น อาจจะทำให้เราทราบถึงรูปแบบของการจูบที่หลากหลายที่มาพร้อมกับสมมติฐานเรื่องเพศ (Gender Identity) ซึ่งก็กระจ่างแจ้งกันพอสมควรแล้วว่าเพศชายกับชายเค้าก็มีวิธีการจูบเพื่อแสดงความรักกันฉันท์พี่น้องนะ แต่เหตุการณ์ที่ตามมาหลังจาก “การจูบ” คือ เราพอใจไหมกับการกระทำนั้น จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปหลังจากการจูบ หลายคนคงคิดว่า “จูบแล้วก็มีเซ็กส์สิ” “จูบแล้วก็ไปต่อ ...” หรือ “จูบ ๆ ไปเหอะใคร ๆ เขาก็ทำกัน” ยังคงมีคนเข้าใจว่าการจูบเป็นเรื่องปกติที่เค้าทำกันทั้งโลก ก็ใช่! แต่ไม่ทั้งหมดไหมล่ะ

จากบทความวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร American Anthropologist - “Is the Romantic-Sexual Kiss a Near Human Universal ?” - กล่าวไว้ว่าการจูบไม่ได้เป็นที่นิยมปฏิบัติกันในหลายประเทศหรือหลายวัฒนธรรม “แต่เป็นเรื่องปกติในสังคมทั่วไปปฏิบัติกัน” จึงเกิดการตั้งคำถามที่ว่า “ถ้าเราจะกล่าวว่าการจูบเป็นสิ่งที่สากลโลกทำกัน เราต้องทำการศึกษาผ่านวัฒนธรรมที่หลากหลายเพื่อสำรวจว่าการจูบจริง ๆ เกิดขึ้นจริงหรือไม่ ?” การวิจัยครั้งนี้จึงเป็นในรูปแบบของ Cross-Cultural Study โดยอาศัยข้อมูล Electric Human Relations Area Files (eHRAF) และข้อมูลจากการสำรวจแบบ Ethnography ผนวกกันทั้งหมด 168 ประเทศ โดยได้ทำการศึกษาและให้คำจำกัดความในการจูบ คือ “การที่ริมฝีปากกับริมฝีปากมีความตั้งใจที่จะสัมผัสกันนานพอ หรือเพื่อให้สัมผัสกันระยะเวลานานขึ้น” โดยแบ่งประเภทออกเป็น 2 รูปแบบ คือ

1) เกิดขึ้น - Present – การที่ริมฝีปากกับริมฝีปากสัมผัสกันนานพอ ไม่ใช่แบบผิวเผินและตั้งใจที่จะกระทำสิ่งนั้นด้วยกัน

2) ไม่ได้เกิดขึ้น - Not Present - การจูบที่ถูกพิจารณาว่าน่าขยะแขยง หรือการจูบอื่น ๆ ที่ไม่ใช่แนวโรแมนติก เช่น พ่อแม่จูบเรา

ผลที่ออกมาคือ การจูบแบบ Present พบเพียงร้อยละ 48.5 ในประเทศแถบตะวันออกกลาง เอเชีย ยุโรป และตอนเหนือของอเมริกา ในขณะที่การจูบแบบ Not Present พบร้อยละ 54.2 ในบริเวณแถบวัฒนธรรมจากตอนกลางและตอนใต้ของอเมริกา แอฟริกัน และโอเชียเนีย ที่น่าแปลกใจสุด ๆ คือ การจูบแบบ Present น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของวัฒนธรรมที่นำมาวิเคราะห์ ที่น่าสนใจไปกว่าตัวเลข คือ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างความซับซ้อนทางสังคมและการจูบ คือ “ยิ่งวัฒนธรรมที่มีความซับซ้อนทางสังคมมากเท่าไหร่ ยิ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการจูบแบบ Present ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ” แต่ไม่ได้หมายความว่าการจูบแบบ Present จะไม่เกิดขึ้นเลยภายในวัฒนธรรมนั้น ๆ เพียงแต่อาจจะเกิดขึ้นแต่ไม่ได้เป็นที่สังเกต

เนื่องจากการวิจัยครั้งนี้ข้อมูลมาจากนักวิจัยหลายท่านที่มีความเกี่ยวข้องกับสาขาวิชาเพศศึกษาและวัฒนธรรมในประเทศนั้น ๆ ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่เกิดการเข้าใจผิดกับการจูบแบบ Not present ว่าไปคาบเกี่ยวกับการจูบเชิงเซ็กส์หรือแนวทางในความสัมพันธ์แบบโรแมนติกแน่นอน ดังนั้นจากบทความงานวิจัยในครั้งนี้ไม่ได้จะกล่าวว่าการอธิบายก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการจูบผิดแต่อาจจะเหมาะเฉพาะบางบริบท หรือตามแต่วัฒนธรรมเท่านั้น ไม่อาจบอกได้ว่า “การจูบ” เป็นการปรับตัวของมนุษย์ทั่วโลก

กลับมาสู่คำถามแรกที่เราถามกันไว้แล้วกันว่า “จูบแรกของคุณเมื่อไหร่กัน ? และจูบนั้นสำคัญกับคุณมากขนาดไหน ?” หลายคนคงคิดถึงรูปแบบการจูบว่าเราจูบไปแบบไหนนะ แล้วเราจูบตอนอายุเท่าไหร่ แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากการจูบครั้งนั้น เรารังเกียจการจูบไปเลยไหม หรือเรารู้เลยว่าการจูบนั้นสามารถตัดสินได้เลยว่า คนนี้คือคนที่ใช่สำหรับเรา การจูบเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน คนภายนอกไม่สามารถไปห้ามการจูบได้ แต่ในบางครั้งการจูบก็เป็นทั้ง จุดเริ่มต้นและจุดจบของความสัมพันธ์ได้ในเวลาเดียวกัน อีกทั้งการจูบไม่ได้มีความหมายในเชิงโรแมนติกเพียงอย่างเดียว ยังมีการสื่อความหมายในหลาย ๆ แบบที่สอดคล้องกันกับวัฒนธรรมที่เราได้เติบโตขึ้นมา

ไม่อาจกล่าวได้ว่าการจูบเป็นสิ่งที่ “ทุกคนทั่วโลก” ปฏิบัติ เพราะชีวิตและสภาพสังคมในปัจจุบันนั้นมีความซับซ้อนมากขึ้น การปฏิบัติตัวก็คงยากขึ้นตามลำดับ ความหมายนัยยะที่ตามมาก็คงไม่ต่าง เพราะฉะนั้นอย่าคิดไปเองว่าจะจูบใครก็ได้ การจูบเป็นอะไรที่ “นิดหน่อย” เค้าทำแบบนี้เพราะเค้าอยากจูบเราแน่ ๆ ในบางทีมันอาจจะเป็นวัฒนธรรมหรือนิสัยส่วนตัว ของเค้าที่บังเอิญมาลงล๊อคกับเรา ทำให้คิดว่าการกระทำแบบนี้เค้าอยากจูบเราแน่ ๆ ซึ่งมันไม่ใช่ ! การรอให้อะไรมันชัดเจนก่อนแล้วค่อยลงมือปฏิบัติก็ดีนะ ... ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก

“เพราะในทุก ๆ เรื่องจริง ของการจูบ

มักจะมีบางสิ่ง ที่มากกว่าจูบอยู่แล้ว”

 

Keyword: จูบ ความสัมพันธ์ ความรัก

illustration by Sirada Visessiri

อ้างอิง

Indiana University. (2015, August 5). Romantic kissing is not the norm in most cultures. Retrieved from https://www.sciencedaily.com/releases/2015/08/150805155738.htm Savin-Williams, P. R. (2018, November 17). Is Kissing Sex or Love? Who Doesn’t Kiss? It can be about either depending on the gender pairing.

William R. Jankowiak, S. L. (2015, July 6). Is the Romantic–Sexual Kiss a Near Human Universal? American Anthropologist, 117(3), 535-539.

 

Photo

Pinterest http://pluspng.com/seal-hd-png-5358.html

Cover_Kiss-01.png
bottom of page