ทำงานที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าร้านกาแฟ
- TSIS

- Sep 28, 2020
- 1 min read
By Setthaphong Matangka

“อยู่บ้านงานไม่เดิน ไปร้านกาแฟดีกว่า” เชื่อว่าชาววิจัยอย่างเราคงต้องมีช่วงที่หมดไฟในการทำวิจัยจบ และคิดว่าควรออกไปหาร้านกาแฟข้างนอกนั่งทำงาน เผื่อจะมีไฟขึ้นมาบ้าง
ทำไมคุณถึงทำงานได้มีประสิทธิภาพเมื่ออยู่ในร้านกาแฟ ?
บทความชิ้นแรกเขียนขึ้นโดย Simon Oxenham คอลัมนิสต์ประจำวารสาร Neuroscience เนื้อหาในบทความเริ่มต้นพูดถึงคนจำนวนมากที่ค้นพบว่าตัวเองทำงานได้ดียิ่งขึ้นเมื่ออยู่ในร้านกาแฟ
ความคิดที่ว่าการทำงานในสถานที่ที่มีเสียงสนทนากันของคนอย่างร้านกาแฟจะช่วยเพิ่มสมาธิให้กับเราในระยะเวลาสั้น ๆ ถือเป็นไอเดียที่ได้รับความนิยมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ไอเดียดังกล่าวได้รับความนิยมจนถึงขั้นมีคนก่อตั้งเว็บไซต์ชื่อว่า “Coffitivity.com” ที่นำเสียงบรรยากาศของร้านกาแฟมาทำเป็นเพลย์ลิสต์ให้คนเปิดฟังเวลาทำงาน แรงบันดาลใจในการสร้างเว็บไซต์มาจากตอนที่ผู้สร้างตระหนักได้ว่า พวกเขาทำงานได้ดีมากขึ้น เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่วุ่นวาย และมีเสียงดังโดยเฉพาะในร้านกาแฟ
ถึงแม้ไอเดียเรื่องเสียงสนทนาของร้านกาแฟจะได้รับความนิยม แต่งานวิจัยกลับชี้ให้เห็นว่า เสียงรบกวนรอบข้างในระดับปานกลางอย่างเสียงกระทบกันของจาน และเสียงของเครื่องชงกาแฟช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่สร้างสรรค์ แต่ก็มีคนตั้งข้อสังเกตว่า เหตุผลที่คนทำงานได้ดียิ่งขึ้นในสถานที่ที่มีเสียงรบกวนน่าจะเป็นผลมาจากผู้คนที่อยู่รอบตัวมากกว่าเสียงที่พวกเขาได้ยินระหว่างทำงาน ?
เมื่อเกือบ 100 ปีก่อน เราเรียนรู้ว่าการแสดงที่มีผู้ชมจำนวนน้อย ๆ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแสดงของนักแสดง ในทำนองเดียวกัน เราจะแสดงได้ดียิ่งขึ้น เมื่อมีคนร่วมแสดงกับเรา ในปี ค.ศ.1898 งานวิจัยพบว่า นักปั่นจักรยานจะทำเวลาได้เร็วมากขึ้น เมื่อมีคนปั่นอยู่ข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม ปรากฎการณ์เหล่านี้ไม่สามารถบอกได้ว่า ทำไมการทำงานในร้านกาแฟที่เต็มไปด้วยผู้คนที่เข้ามาอ่านหนังสือ พูดคุยกัน หรือแม้แต่พักผ่อน จะช่วยให้เราทำงานหนักมากขึ้น หรือบางทีมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ?
มันมีความเป็นได้มากกว่าว่า การที่มีคนกำลังจดจ่ออยู่กับหน้าจอแล็ปท็อปในร้านกาแฟทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของคุณดีขึ้น การศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้แสดงให้เห็นว่า ความพยายามสามารถส่งต่อกันได้ เมื่อเราอยู่กับคนที่ทำงานหนัก จะทำให้เราทำงานหนักขึ้นตาม
การค้นพบนี้เกิดขึ้นตอนที่คนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งทำงานอยู่ด้วยกัน ถึงแม้ว่างานที่ทำจะต่างกัน แต่เมื่อมีคนใดคนหนึ่งจดจ่อการทำงานมากขึ้น คนที่นั่งทำงานถัดออกไปก็จะเริ่มทำงานหนักมากขึ้น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เห็นหน้าจอแล็ปท็อปของอีกคนว่าทำอะไรอยู่
สำหรับการใช้เสียงรบกวนเป็นตัวช่วยในการทำงาน มันมีงานศึกษาหลายงานที่แนะนำให้เราฟังเพลงที่เราชื่นชอบ เพราะจะช่วยกระตุ้นศักยภาพในการทำงานได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเพลงคลาสสิคอย่าง Mozart

เหตุผลที่ร้านกาแฟกำลังกลายเป็นสถานที่ทำงานของคุณภายใน 10 ปี
บทความชิ้นที่สองเขียนโดย Wanda Thibodeaux Copywriter จากเว็บไซต์ Takingdictation Wanda ที่ใช้การอ้างอิงงานวิจัยที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นเพื่อตอบคำถามในประเด็นต่าง ๆ ว่าร้านกาแฟช่วยให้คนมีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นอย่างไร
การเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในปัจจุบันไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ต่างพยายามที่จะออกแบบพื้นที่ทำงานที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่กลับกลายเป็นว่ามีพนักงานจำนวนน้อยลงที่ต้องการใช้พื้นที่เหล่านั้น
ในอนาคตอันใกล้ ร้านกาแฟอาจกลายเป็นห้องทำงานของใครหลาย ๆ คน ซึ่งเรามาดูกันว่าเพราะอะไรถึงเป็นเช่นนั้น

1. เสียงรบกวนในร้านกาแฟช่วยให้เรามีความสร้างสรรค์
ในบทความ Harvard Business Review มีงานศึกษา 2 เรื่อง งานแรกของ Ravi Mehta จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ แสดงให้เห็นว่าเสียงรบกวนรอบข้างช่วยให้เรามีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น ซึ่งระดับเสียงดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 70 เดซิเบล (เสียงพูดคุยในร้านกาแฟ)
นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่า White Noise ซึ่งส่วนใหญ่คือเสียงธรรมชาติ อาทิ เสียงฝนตก เสียงลม เสียงสายน้ำ บรรยากาศในป่าไม้ ฯลฯ ช่วยให้การทำงานของสมองขับเคลื่อนไปสู่กระบวนการทำงานที่จำเป็นต่อความคิดสร้างสรรค์
งานชิ้นที่ 2 ของ Luke Laverty ให้ผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกับงานแรก เขาทดสอบด้วยวิธีการ EEG (Electroencephalogram) หรือการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง
การทดสอบชี้ให้เห็นว่า White Noise มีอิทธิพลเชิงบวกต่อความคิดสร้างสรรค์ การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองยังแสดงให้เห็นว่า เสียงพูดคุย และการรบกวนอื่น ๆ ในที่ทำงานทุก ๆ วัน ส่งผลเชิงลบต่อความคิดสร้างสรรค์

2. ร้านกาแฟช่วยให้เราหลบหนีความขี้เกียจและพฤติกรรมที่น่ารังเกียจของเพื่อนร่วมงาน
บทความจาก Harvard Business Review โดย Geoffrey James อธิบายปัจจัยทางสังคมที่ทำให้ร้านกาแฟทำให้เรามีสมาธิกับงาน และความคิดสร้างสรรค์ที่เพิ่มมากขึ้น ดังนี้
2..1 คนที่นั่งทำงานอยู่ในร้านกาแฟทุกคนมีความเท่าเทียมกัน เมื่อเทียบกับในสำนักงานที่มีการแบ่งลำดับขั้นที่ในระหว่าง การทำงานอาจมีคนบางคนที่เจตนาพูดคุยเสียงดัง หรือขัดจังหวัดการทำงานของคนอื่นเพื่อแสดงอิทธิพลของพวกเขา
2.2 การสนทนาในร้านกาแฟจะง่ายกว่าที่จะพูดออกมา เพราะไม่เหมือนเหมือนลักษณะการพูดคุยในที่ทำงาน
2.3 คุณสามารถควบคุมตนเองได้มากขึ้นเมื่อทำงานในร้านกาแฟ ตัวอย่างเช่น คุณไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาขอให้คุณ ถอดหูฟังขณะทำงาน ในที่ทำงานบางคนจะรู้สึกว่า พวกเขามีสิทธิที่ทำอะไรก็ได้ เมื่อสิ่งนั้นมีความสำคัญต่อองค์กร

3. พนักงานได้แสดงให้เห็นแล้วพวกเขาสามารถทำงานจากข้างนอกได้
งานศึกษาโดย CTrip ทำการเก็บข้อมูลอาสาสมัครจำนวน 500 คน แสดงให้เห็นว่า คนที่ทำงานจากบ้านมีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น 13.5% รวมทั้งมีส่วนร่วมในการทำงานมากกว่าคนที่ทำงานในสำนักงาน 9% นอกจากนั้นยังใช้เวลาลาหยุดพัก และลาป่วยลดลง ความพึงพอใจต่องานที่ทำก็สูงขึ้นเช่นกัน
งานศึกษาอีกชิ้นหนึ่งศึกษาโดย TINYpulse แสดงผลการศึกษาไปในเชิงบวกเช่นเดียวกัน ธุรกิจในแวดวงการขนส่ง, ระบบสารสนเทศ และอุตสาหกรรมการเงิน กำลังปรับตัวให้พนักงานทำงานนอกสถานที่ โดยไม่สนใจว่าจะมีวิธีการทำงานอย่างไร ตราบใดที่พนักงานส่งงานทันกำหนดเวลา และมีคุณภาพของงานตามที่คาดหวัง
ในหลาย ๆ องค์กรกำลังใช้ตัวเลือกการทำงานที่ยืดหยุ่นได้เพื่อดึงดูดพนักงานใหม่ ๆ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้พนักงานจะต้องการความยืดหยุ่นในการทำงาน แต่ก็ไม่อยากที่จะรู้สึกว่าตนเองต่อสู้เพื่อบริษัทอย่างโดดเดี่ยว เมื่อรู้ว่าตนเองจะถูกพิจารณาให้ไม่ได้รับโบนัส
งานวิจัยของ Adam Henderson แสดงให้เห็นว่า ไม่มีพนักงานคนใดต้องการทำงานจากที่บ้านเพียงอย่างเดียว ดังนั้นในขณะที่ร้านกาแฟกลายเป็นสถานที่ทำงานของคนส่วนใหญ่ แต่องค์กรจำเป็นที่จะต้องให้พนักงานมาเจอกันอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

4. ความพยายามระหว่างการทำงานในร้านกาแฟสามารถติดต่อกันได้
งานศึกษาจากนักวิจัยชาวเบลเยียมแสดงให้เห็นว่า ผู้คนจะมีความพยายามในการทำงานมากขึ้น เมื่อเห็นคนอื่นกำลังทำงานอย่างหนัก คล้ายกับข้อสรุปของบทความชิ้นแรก
ทีมนักวิจัยได้ข้อสรุปว่า ความพยายามสามารถส่งต่อถึงกันได้ เวลาอยู่ในร้านกาแฟคนมักชื่นชมคนที่กำลังมีสมาธิในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การได้อยู่ใกล้กับคนแบบนั้นจะช่วยให้ตัวคุณเอง ทำงานหนัก และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

5. พนักงานในองค์กรจะเชื่อใจกันมากขึ้น ถ้ายกเลิกการกั้นพื้นที่ทำงาน
ในปี ค.ศ.2015 บทความใน LinkedIn Henderson ตั้งคำถามสำคัญว่า “หากคุณไม่สามารถเชื่อใจพนักงานของคุณให้ทำงานอย่างยืดหยุ่นได้ ทำไมต้องจ้างพวกเขาตั้งแต่แรก ?”
การยอมให้พนักงานทำงานข้างนอกบริษัทได้ เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดของนายจ้างในการแสดงความเชื่อใจให้พนักงานเห็น เมื่อพนักงานได้รับความไว้วางใจจากนายจ้าง พนักงานจะรู้สึกว่าได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม และตั้งใจทำงานมากขึ้นเป็นการแลกเปลี่ยน

6. ระบบเศรษฐกิจแบบเสรี (Gig Economy) กำลังเติบโต
มีรายงานออกมาว่าประมาณ 43% ของแรงงานชาวอเมริกันจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแบบเสรีมากขึ้นภายในปี ค.ศ.2020 ซึ่งหมายความว่า ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากต้องการสถานที่ในการทำงาน แต่คนบางกลุ่มอย่าง คนขับอูเบอร์ หรือครูสอนพิเศษออนไลน์ ไม่จำเป็นต้องค้นหาร้านกาแฟเพื่อนั่งทำงานเหมือนอย่างคนที่ทำอาชีพนักเขียน Graphic Design หรือนักออกแบบเว็บไซต์ ที่ไม่ต้องการรับความรู้สึกที่จะถูกตัดขาดจากผู้อื่นอย่างสมบูรณ์
สรุป
บทความชิ้นแรกของ Simon Oxenham พยายามชี้ให้เห็นว่าเหตุผลที่คนทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่ออยู่ในร้านกาแฟ ไม่ได้เป็นผลมาจากเสียงรอบข้างเพียงอย่างเดียว แต่เพราะความตั้งใจในการทำงานสามารถส่งต่อถึงกันได้ เมื่อเราอยู่ใกล้คนที่กำลังทำงานอย่างหนัก จะทำให้เรามีความพยายามในการทำงานสูงขึ้นตาม
บทความชิ้นที่สองของ Wanda Thibodeaux พูดถึงปัจจัยที่ทำให้ร้านกาแฟกลายเป็นสถานที่ทำงานสำหรับคนยุคใหม่ ซึ่งประเด็นที่ Wanda กับ Simon พูดเหมือนกันคือ เรื่องเสียงรบกวนในร้านกาแฟช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ และความพยายามสามารถส่งต่อถึงกันได้ นอกจากนั้นยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น ร้านกาแฟช่วยให้เราหลบหนีความขี้เกียจและพฤติกรรมที่น่ารังเกียจของเพื่อนร่วมงาน เป็นต้น
อ้างอิง
https://www.inc.com/wanda-thibodeaux/6-reasons-coffee-shops-are-going-to-kill-modern-office.html
Illustration by Arnon Chundhitisakul










Call Girls in Gurgaon offer unmatched companionship for the discerning individual. Indulge in the finest!
Ammonium nitrate (NH₄NO₃) is a white crystalline solid commonly used in agriculture as a high-nitrogen fertilizer. It consists of ammonium (NH₄⁺) and nitrate (NO₃⁻) ions, which provide essential nutrients that support plant growth. Its high solubility in water allows it to be easily absorbed by crops, making it especially valuable for boosting yields in nitrogen-deficient soils. Ammonium nitrate is also favored in blended fertilizers due to its balanced nitrogen content and ability to promote rapid vegetative development. However, because of its hygroscopic nature, it must be stored carefully to prevent moisture absorption and caking.
Beyond agriculture, ammonium nitrate plays a critical role in the mining and construction industries as a key component in explosives, particularly ANFO (ammonium nitrate fuel oil). While…
ZeroMOUSE – Die intelligente Lösung für Katzenbesitzer
ZeroMOUSE von Mousebouncer GmbH ist die fortschrittlichste KI Katzenklappe auf dem Markt. Unsere OnlyCat KI-Klappe nutzt modernste Beuteerkennung, um Katzen am Beutebringen zu hindern. Als Mikrochip-Katzenklappe erkennt sie jede Katze individuell. Der bester Katzenklappen-Adapter für verantwortungsbewusste Katzenbesitzer in Berlin und ganz Deutschland schützt vor Gefahren für Freigängerkatzen und reduziert das Jagdverhalten von Katzen effektiv. Die Pawly Smart-Klappe lässt sich nahtlos in bestehende Systeme integrieren. Unser Katzenklappen-Adapter Deutschland-weit erhältlich – bequem online ZeroMOUSE KI Katzenklappe kaufen. Entdecken Sie den innovativen ZeroMOUSE Preis und sagen Sie unerwünschter Beute Lebewohl. ZeroMOUSE – weil clevere Technologie und Tierwohl zusammengehören.
Website: https://zeromouse.ai/
PM Digital Solutions GmbH mit Sitz in Karlsruhe ist Ihr zuverlässiger Partner für professionelle Dokumentendigitalisierung im südwestdeutschen Raum. Wir scannen Akten, Ordner, Personalunterlagen und Tagespost in Farbe – auch vergilbte oder großformatige Dokumente – mit modernsten Kodak-Scannern und setzen die leistungsfähige Scan-Software Capture Pro von Alaris ein. Dabei übernehmen wir auf Wunsch Sortierung, Indexierung und die Integration in Ihr Dokumentenmanagementsystem. Datenschutz hat bei uns höchste Priorität: Alle Mitarbeitenden arbeiten nach verbindlichen technischen und organisatorischen Maßnahmen (TOM) und unserem strikten Code of Conduct. Ob Dokumentenarchiv oder digitale Post – wir optimieren Ihre Geschäftsprozesse und schaffen mit Ihnen das papierlose Büro.
Website: https://pmds-ka.de/
Liver disease diagnostics involve a range of tests and imaging techniques used to detect and monitor conditions affecting the liver, such as hepatitis, cirrhosis, fatty liver disease, and liver cancer. Common diagnostic methods include blood tests like liver function tests (LFTs), which measure levels of enzymes, proteins, and bilirubin to assess liver health. Other blood markers may detect viral infections like hepatitis B or C. Imaging techniques such as ultrasound, CT scans, and MRI help visualize liver abnormalities, while elastography can assess liver stiffness, indicating fibrosis or cirrhosis. In certain cases, a liver biopsy may be required for definitive diagnosis.
Early detection through liver diagnostics is crucial, as many liver diseases are asymptomatic in their early stages. Timely diagnosis enables better…